น้ำมะนาว ช่วยลดน้ำหนักได้เป๊ะ


988 ผู้ชม


สิ่งที่ใกล้ตัวได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ หากคุณลองปฏิบัติกันอย่างจริงจังเพียงแค่ดิ่มน้ำมะนาว ตอนเช้าก่อนทานอาหารเช้าเพียงวันละแ้ก้วเท่านั้น         สิ่งที่ใกล้ตัวได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ หากคุณลองปฏิบัติกันอย่างจริงจังเพียงแค่ดิ่มน้ำมะนาว ตอนเช้าก่อนทานอาหารเช้าเพียงวันละแ้ก้วเท่านั้น 

“มะนาว” ถูกกล่าวขานว่ามีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้อย่างดีที่สุด หากคุณทำตามกฎหลักทั้ง 3 ข้อนี้ คุณจะน้ำหนักลดลงได้ดั่งใจปรารถนา

1. ดื่มน้ำมะนาวกับน้ำอุ่นทุก ๆ เช้า
เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาวเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมะนาวยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมาก ๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น

2. รับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 ชนิด
เพราะผักและผลไม้ทุกประเภท จะมีปริมาณแคลอรีที่น้อยมาก แต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใย และสารอาหารที่ครบครัน จะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างสงบลง

3. ปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด
โดยการบีบน้ำมะนาวลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือกมะนาวลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่ามะนาวคือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะมะนาวจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย

นอกจากนี้ผลการศึกษาของวิทยาลัย Journal of the America College of Nutrition รายงานว่า คาร์โบไฮเดรตที่พบในผิวเปลือกของมะนาว จะสามารถกำจัดความอยากกินให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง เปลือกมะนาวเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่คุณกินมัน คุณจะรู้สึกอิ่มไปอีกนานเลยทีเดียว.
วิธีการทำน้ำมะนาวตื่มในตอนเช้า
เตรียมมะนาวผลใหญ่ 1 ลูก กับน้ำอุ่น 1 แก้ว  บีบให้แรงมากๆ เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกออกมาไม่ต้องกลัวขม คนให้เข้ากับน้ำอุ่น และดื่มทุกเช้า เท่านี้ ก็ช่วยลดความอยากอาหาร  ลดสารพิษในร่างกาย  ลดคอเรสตอรอล 



ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=1951&sub_id=92&ref_main_id=12

อัพเดทล่าสุด