ผลกระทบของโรคไข้เลือดออก


2,041 ผู้ชม


ผลกระทบของโรคไข้เลือดออก ผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก สถิติไข้เลือดออก สสจ ระยอง

ผลกระทบของโรคไข้เลือดออก

ผลกระทบโลกร้อนทำยุงลายโตเร็ว เร่งโรคไข้เลือดออกกระจายเร็วด้วย

ธรรมชาติมักจะรังสรรค์สิ่งแปลกใหม่มาสู้่โลกเสมอ เหมือนกับธรรมชาติของยุงลายที่มีการเจริญเต็บโตรวดเร็วเหลือเกิน ยิ่งโลกร้อนด้วย แล้วทำให้ยุงลายมีความพร้อมเร็วมากขึ้นไปอีก ผลกระทบโลกร้อนนั้นใช่ว่าจะมีแค่อากาศร้อนซะแล้วนั้นตอนนี้ แต่มันเป็นเหมือนกระทะทอดไข่ที่ช่วยให้ไข่สุกได้รวดเร็วขึ้น โรคไข้เลือดออกนั้นกระจายออกไปอย่างรวดเร็วแน่นอนถ้าเรายังนิ่งนอนใจเช่นนี้
สธ.วิจัยพบยีนยุงลายดื้อยา ยุงปากน้ำโพครองแชมป์ยอดดื้อ ร้อยละ 73.3 ทำยาฆ่ายุงใช้ไม่ได้ผล เสี่ยงโรคไข้เลือดออกระบาดหนัก อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยเทียบกับปีก่อน พบผู้ป่วยแล้วมากกว่า 2 เท่า ขณะที่ แพทย์ศิริราชเผยแมลงวันเพิ่มขึ้นจากภาวะโลกร้อน เตือนระวังโรคระบาดหลังสงครามกลับมาระบาดใหม่ ทั้งไข้เลือดออกและอหิวาต์ พบวัณโรคดื้อยาภาคอีสานสูงถึงร้อยละ 3
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน มีการประชุมวิชาการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 16 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นางอุรุญากร จันทร์แสง และคณะจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของยุงพาหะนำโรคไข้เลือดออก ด้านความต้านทานต่อสารเคมีกำจัดแมลง พบว่า จากการเก็บตัวอย่างยุงลายจากจังหวัดที่มีการรายงานการระบาดของโรคไข้เลือด ออก ได้แก่ นนทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ราชบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และนครสวรรค์


จากการตรวจสอบพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงระดับยีนที่ทำให้ยุงลายเกิดความต้านทานต่อสารเคมีในกลุ่มไพรีทรอยด์ ด้วยวิธี PCR-RFLP พบ ว่า ยุงลายจาก จ.นนทบุรี มีอัตราการดื้อสารเคมี 27% ยุงลายฉะเชิงเทรามีอัตราการดื้อ 58.5% ชลบุรี 59% จันทบุรี 30% ราชบุรี 60% กระบี่ 26% สุราษฎร์ธานี 36% ตาก 30% สุโขทัย 16.7% กำแพงเพชร 50% และนครสวรรค์ 73.3%
ผลการศึกษายังพบด้วยว่า การตรวจด้วยวิธีดังกล่าวยังพบกลุ่มของยุงลายรุ่นต่อๆ ไปที่เป็นยุงลายดื้อยาได้ เนื่องจากพบยีนดื้อแฝงอยู่ในยุงลายกลุ่มนั้น ผลการศึกษาในครั้งนี้จะสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการเลือกใช้สารเคมีได้ อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไป
"ยุงลายที่ดื้อยาสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้ยุงในรุ่นลูกดื้อยาได้ ทางแก้ควรจะใช้จุลินทรีย์แก้ไขหรือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง" นางอุรุญากร กล่าว
ดร.สุธียกสร้าง โครงการวิจัยพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ยุงพัฒนาตัวเองจนสามารถต้านทานยาฆ่าแมลงได้เหมือนคนที่ดื้อยา เรียกว่าขณะนี้วิธีการฉีดสเปรย์พ่นยุงใช้ไม่ได้ผลแล้ว จะต้องหาแนวทางใหม่ในการกำจัดยุง อย่างไรก็ตามการปรับตัวของพันธุกรรมยุงเป็นไปในทิศทางการต้านทานยาฆ่าแมลง เท่านั้น แต่ไม่ได้ปรับตัวในการนำเชื้อโรคที่รุนแรงขึ้น
"ยุงไม่ได้ปรับพันธุกรรมในการนำเชื้อโรคที่รุนแรงขึ้น แต่เป็นพาหะของโรคเช่นเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือยาฆ่าแมลงไม่สามารถปราบยุงได้ หรือหากปราบได้ผลก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น จึงจะต้องหาวิธีการกำจัดแบบอื่น" ดร.สุธี กล่าว
ทั้งนี้ การดื้อยาของยุงลายอาจทำให้ผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ดร.สุธี ยอมรับว่า เป็นไปได้ว่าจำนวนยุงที่เพิ่มขึ้น เพราะยาฆ่าแมลงปราบไม่ได้จะส่งผลให้มีพาหะนำโรคเพิ่มขึ้น และโรคไข้เลือดออกอาจจะเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นของเชื้อโรคขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งจำนวนยุง โลกร้อน และพฤติกรรมของมนุษย์เอง
ด้าน นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นองค์ความรู้ที่มีมานานเกี่ยวกับการดื้อต่อสารเคมียา ฆ่าแมลงของยุง เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันป้องกัน โดยประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรื่องให้ความรู้เกี่ยวกับการพ่นสาร เคมียาฆ่าแมลงในพื้นที่ หากมีการใช้สารเคมีตัวเดิมพ่นติดต่อกันเป็นเวลานาน 4-10 ปี จะทำให้ยุงเหล่านี้ดื้อต่อสารเคมีได้ ที่ผ่านมาทางกรมได้ให้ความรู้ว่า จะต้องเปลี่ยนสารเคมีในการฉีดพ่น ไม่ว่าจะเป็นยุงหรือแมลงชนิดอื่นๆ ทุก 2 ปี เพื่อไม่ให้แมลงทนต่อสารเคมีเหล่านั้น โดยได้ออกเป็นแนวทางปฏิบัติ ส่วนพื้นที่ใดจะทำตามหรือไม่นั้น กรมไม่สามารถเข้าไปบังคับได้
นพ.ธวัช กล่าวต่อว่า เดิมทีก่อนที่จะมีการกระจายอำนาจโอนภารกิจกระทรวงให้แก่ท้องถิ่น กรมจะเป็นหน่วยงานลงไปดูแลในการควบคุมยุงและแมลง เพื่อป้องกันโรคระบาดในพื้นที่ โดยเป็นผู้กำหนดสารเคมีที่ต้องฉีดพ่น และให้อาสาสมัครสาธารณสุขช่วยฉีดพ่นให้ แต่เมื่อมี พ.ร.บ.การกระจายอำนาจแล้ว จึงส่งมอบให้แก่ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการเอง หากท้องถิ่นใดมีความเข้าใจก็จะเปลี่ยนสารเคมีฉีดพ่นไม่ให้เกิดปัญหา แต่ในบางพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งใหม่ มีการเปลี่ยนถ่ายผู้บริหาร และอาจไม่มีการสานต่อหรือไม่ก็ไม่ทราบ
"หากยุงดื้อต่อสารเคมีย่อมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก เนื่องจากโรคไข้เลือดออกมียุงเป็นพาหะนำโรค หากสารเคมีที่ฉีดพ่นไม่สามารถทำลายยุงตัวแก่ที่วางไข่ได้แล้ว ก็จะทำให้จำนวนยุงลายเพิ่มมากขึ้นได้ อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการนำเสนอผลงานวิจัย กรมควบคุมโรคได้ประสานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปทำความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงวิธีการกำจัดยุงที่ถูกต้องแล้ว" นพ.ธวัชกล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2551 จนถึงขณะนี้พบผู้ป่วยเป็น 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2550 โดยมีรายงานจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศทั้งสิ้น 21,080 ราย เสียชีวิต 28 ราย ในจำนวนนี้อยู่ใน กทม. 4 ราย ขณะที่ภาคกลางพบผู้ป่วยมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ สาเหตุการแพร่ระบาดในปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงครบวงจรการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งจะระบาด 1 ปี เว้น 2 ปี ขณะเดียวกันปีนี้ยังมีฝนตกลงมามากผิดปกติ ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้มีแหล่งเพาะโรคมากขึ้น ประกอบกับภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หนุนน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูง ก่อให้เกิดน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้ ส่วนการดื้อต่อสารเคมียาฆ่าแมลงในยุงนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สามารถชี้แจงให้หน่วยงานในพื้นที่แก้ปัญหาได้
ขณะที่ นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้เป็นประโยชน์ต่อการกำจัดยุงลาย พาหะโรคไข้เลือดออกอย่างเหมาะสม เพราะรู้ว่าพื้นที่ใดยุงลายดื้อกลุ่มไพรีทรอยด์ จะได้เลือกใช้สารเคมีกลุ่มอื่นมาทดแทน อีกทั้งหากพบยุงดื้อยากำจัดแมลงหลายพื้นที่ มาตรการควบคุมโรคจะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม และเพิ่มการเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกเป็นพิเศษ นอกจากนี้ การใช้สารเคมีกำจัดยุง เพื่อควบคุมโรคไข้เลือดออกเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถควบคุมโรคได้ทั้งหมด ต้องดำเนินการควบคู่กับการกำจัดยุงอื่นๆ ด้วย เช่น การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
นพ.บัวเรศ ศรีประทักษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์ระบาดของโรคไข้เลือดออกในนครสวรรค์ยังอยู่ในค่าเฉลี่ย ปกติของประเทศ บางปีก็ระบาดมากบางปีก็ระบาดน้อย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละปี ส่วนจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกที่เสียชีวิตนั้นก็ประมาณร้อยละ 0.2 หากมีผู้ป่วยประมาณ 500 คน จะเสียชีวิต 1 คน ซึ่งตนยังไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนว่ายุงลายของนครสวรรค์ มีความต้านทานต่อสารเคมีในกลุ่มไพรีทรอยด์ มากถึงร้อยละ 73 หากเป็นความจริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องมาพูดคุยกัน ว่า ควรจะเปลี่ยนไปใช้สารเคมีกลุ่มใดในการกำจัดยุงลาย เพราะกลุ่มไพรีทรอยด์ถือเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์มากที่สุด หรืออาจยังใช้กลุ่มไพรีทรอยด์เพียงแต่ต้องเปลี่ยนสูตรสารเคมีที่ใช้
"ทุกปีนครสวรรค์จะมีการรณรงค์ให้กำจัดยุงลาย โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม จะเป็นช่วงที่กวาดล้างแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ส่วนระยะที่ไข้เลือดออกระบาดจะอยู่ในช่วงนี้คือช่วงฤดูฝน และปีที่แล้วก็มีการสารเคมีกลุ่มไพรีทรอยด์ เพื่อกำจัดยุงลายไปแล้ว ส่วนปีต่อไปคงต้องมีการพิจารณากันใหม่ตามผลวิจัยที่ออกมา ทั้งนี้ การที่ยุงลายดื้อต่อสารเคมีตัวใดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสที่อยู่ในต่อมน้ำลายของยุงลาย มนุษย์ไม่ได้สัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับสารเคมีตัวนี้ผ่านทางยุงลายแต่อย่างใด" นพ.บัวเรศกล่าว
ทั้งนี้ เว็บไซต์ด้านสาธารณสุขได้สรุปข้อมูลเรื่องสารเคมีกำจัดแมลงที่ใช้กันแพร่ หลายว่ามี 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคลอริเนต หรือกลุ่มดีดีที (Chlorinated hydrocarbon compounds) เป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน (H), คาร์บอน (C), และคลอรีน (Cl) สาร เคมีกลุ่มนี้มีการสลายตัวช้าและพบว่ามีการสะสมอยู่ตามดิน น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร่างกายของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง สารเคมีที่รู้จักกันดีและใช้กันมากได้แก่ ดีดีที (DDT), ดีลดริน (dieldrin), ออลดริน (aldrin), ท็อกซาฟีน (toxaphene), คลอเดน (chlordane), ลินเดน (lindane) และแกมม่า เอชซีเอช (gamma HCH) เป็นต้น
2.กลุ่มฟอสฟอรัส (Organo-phosphorus compounds) หลัง จากที่พบว่ากลุ่มที่ 1 มีการสะสมและมีพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดมลภาวะแก่ดินและน้ำ การใช้สารเคมีกำจัดแมลงจึงได้เปลี่ยนไปใช้พวกสารประกอบที่มีฟอสฟอรัสเป็นตัว หลักมากขึ้น และในขณะนี้เป็นยุคที่มีการใช้สารเคมีกลุ่มนี้มาก ทั้งในด้านการเกษตรและในวงการสาธารณสุข แต่การเป็นพิษเกิดขึ้นได้เร็วกว่ากลุ่มที่ 1 และสลายตัวก็เร็วกว่า สารเคมีในกลุ่มนี้ที่ใช้กันมาก ได้แก่ มาลาไธออน (malathion), เฟนนิโตรไธออน (fenitrothion), พิริมิฟอสเมธิล (pirimiphos methyl) และไดคลอวอส (dichlorvos หรือ DDVP) เป็นต้น
3.กลุ่มคาร์บาเมต (Carbamate compounds) เป็น สารประกอบอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการกำจัดแมลง อาการเป็นพิษเกิดขึ้นได้เร็วและสลายตัวเร็ว สารเคมีกลุ่มนี้มีคาร์บาริลกรุ๊ปเป็นตัวหลักที่สำคัญ ที่รู้จักกันมากคือ โพรพ็อกเซอร์ (propoxur), เบนไดโอคาร์บ (bendiocarb) และแลนดริน (landrin) เป็นต้น และกลุ่ม 4.กลุ่มไพรีทรอยด์ (Synthetic pyrethroids) เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษต่อแมลงสูง แต่มีความเป็นพิษต่อสัตว์เลือดอุ่นต่ำ สกัดได้จากดอกเบญจมาศ (pyrethrum) อย่างไรก็ตาม สารเคมีกลุ่มนี้มีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับสารเคมีกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักและใช้กันมากในขณะนี้ ได้แก่ เดลตาเมธริน (deltamethrin), เพอร์เมธริน (permethrin), เรสเมธริน (resmethrin) และไบโอเรสเมธริน (bioresmethrin) เป็นต้น
วัน เดียวกันนี้ ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจุลชีววิทยา กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำหลายชนิด ที่น่าเป็นห่วงคือโรคระบาดจากแมลง อย่างอหิวาตกโรคและไข้เลือดออก ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงอาจจะทำให้ผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 1 หลังจากที่ไทยเคยควบคุมให้อยู่ในระดับต่ำกว่านี้มาแล้ว ส่วนอัตราการดื้อยาของโรคก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย จากการสำรวจพบว่าผู้ป่วยวัณโรคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอัตราการดื้อยาถึงร้อยละ 3 และมีแนวโน้มดื้อยาเพิ่มขึ้น หากผู้ป่วยรายหนึ่งแพร่ไปยังอีกรายหนึ่ง ความรุนแรงของการดื้อยาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า โรคที่น่าห่วงที่สุดคือการกลับมาระบาดอีกครั้งของโรคที่เคยเกิดหลังสงคราม จากภาวะขาดแคลนน้ำ อาหาร รวมทั้งโรคลีเจียนแนร์จากเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลาร์ ต้นเหตุของโรคที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบรุนแรง โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อาศัยและเจริญเติบโตได้ดีในน้ำอุ่น ที่อุณหภูมิเฉลี่ย 35-36 องศาเซลเซียส พบมากในโรงแรมที่ระบบหล่อเย็นไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เชื้อแบคทีเรียกระจายไปทั่วห้องพัก สปา น้ำพุประดับ เครื่องพ่นละอองฝอย เครื่องผลิตความชื้น น้ำพุร้อน และน้ำในแหล่งน้ำที่ร้อน เป็นต้น โดยเชื้อสามารถแพร่กระจายไปไกลไม่น้อยกว่า 6 กิโลเมตร
"โลกร้อนทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตเร็วขึ้น โรคระบาดนำโดยแมลง พวกยุง แมลงวัน จะก่อโรคระบาดทั้งไข้เลือดออก อหิวาตกโรค ระบาดได้รวดเร็ว เพราะพาหะนำโรคมีมากขึ้น แพร่โรคได้เร็วขึ้น แต่เชื้อไม่ได้รุนแรงขึ้น" ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าวและว่า ภาวะโลกร้อนจะทำให้วงจรชีวิตแมลงวันสั้นลงเหมือนยุงหรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่เห็นแมลงวันมีจำนวนเพิ่มขึ้น 

ผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก

 สตูลรณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออก

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 23:22 น.

วันนี้  ( 21 ก.พ.) บริเวณที่ทำการสหกรณ์ชุมชน หมู่ 7 (บ้านโกตา) ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล นายวิรัช  โอมณี   ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 (บ้านโกตา) ต.กำแพงฯ เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคไข้เลือดออกในชุมชน ที่ทางโรงเรียนบ้านโกตา ร่วมกับ  ทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอละงูผนึกกำลังร่วมกันจัดขึ้นมา โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ - ครู -อาจารย์ - ผู้ปกครองนักเรียน และประชาชนในพื้นที่มาเข้าร่วมจำนวนมาก ทั้งนี้โครงการฯดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของพิษภัยโรค ไข้เลือดออกแก่นักเรียนอย่างถูกวิธี และเพื่อให้นักเรียนได้มีความรู้ประสบการณ์ในเรื่อง การรักษาดูแลตัวเองไม่ให้ป๋วยเป็นไข้เลือดออก  รวมทั้งเพื่อมุ่งเน้นให้นักเรียนและชุมชนทราบถึงความสำคัญในการป้องกันโรค ไข้เลือดออกกันอย่างจริงจังเคร่งครัดอีก ด้วย                                                              

โดยกิจกรรมดังกล่าวนี้มีการร่วมกันเดินรณรงค์คว่ำภาชนะน้ำขังไปทั่วหมู่ บ้าน   สำหรับโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน โดยเฉพาะช่วงอายุระหว่าง 2-8 ปี หรือเด็กต่ำกว่า 15 ปี มักเป็นโรคไข้เลือดออกกันมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่อาศัยในแหล่งที่มียุงชุกชุม ส่วนอาการไข้เลือดออกนั้น เริ่มป๋วยจะปรากฏเป็นผื่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อฯลฯ หากรักษาช้า ผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตได้  อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้โรคไข้เลือดออกคุกคามจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วย กันควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่าให้ยุงลายยึดเป็นแหล่งขยายพันธุ์โดยเฉพาะ แท็งค์เก็บนํ้า  บ่อ กะละมัง ที่เก็บกักน้ำจึงขอให้หมั่นตรวจสอบดูแลว่าในสิ่งเหล่านี้มีลูกน้ำยุงลายหรือ ไม่ หากพบให้รีบทำลายทิ้งทันที่เพื่อไม่ให้โรคไข้เลือดออกคุกคาม

สถิติไข้เลือดออก สสจ ระยอง

สสจ.ระ​ยอง รณรงค์ป้อง​กันไข้เลือ​ดออก
388494
สสจ.ระยอง รณรงค์ประชาชนตระหนักถึงโรคไข้เลือดออก หลังในจังหวัด มีคนป่วยอันดับ 2 ของประเทศ
นาย แพทย์กฤษณ์ ปาลสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ปัจจุบันพบว่าจังหวัดระยอง มีสถิติเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากจังหวัดกระบี่ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดระยอง ได้หันมาสนใจ และตระหนักถึงการป้องกัน ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โรคไข้เลือดออกพบแต่ในเด็กเท่านั้น แต่ปัจจุบันพบว่า คนระยอง ที่เป็นไข้เลือดออก ส่วนใหญ่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป

นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดระยอง กล่าวต่อว่า ซึ่งจากการสำรวจพบว่า พื้นที่ที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออก มากที่สุด คือ ต.มาบตาพุด และ ต.เนินพระ และพบว่ามีภาชนะขังน้ำจำนวนมาก ซึ่งก็สอดคล้องกัน จึงทำให้มีผู้ป่วยไข้เลือดออกอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้จึงอยากให้พี่น้องประชาชน ได้สำรวจรอบบ้านของตัวเอง โดยคว่ำภาชนะใดที่เป็นที่ขังน้ำที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย ตลอดจนตุ่มน้ำควรปิดฝาให้มิดชิด อย่างไรก็ตามยังพบว่า ขันน้ำมันตามวัดต่างๆ ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายด้วย ซึ่งวัด และชาวบ้านเข้าใจว่า อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยไม่กล้านำไปเททิ้ง ควรจะนำไปเก็บไว้ในตู้ที่ฝาปิดมิดชิดจะดีกว่า

Link
https://www.happymomy.com
https://www.dailynews.co.th
https://www.innnews.co.th

อัพเดทล่าสุด