ตอนก่อนท้องเจ็บหัวนม เจ็บหัวนมเป็นเพราะอะไร สาเหตุของการเจ็บหัวนม


ตอนก่อนท้องเจ็บหัวนม เจ็บหัวนมเป็นเพราะอะไร สาเหตุของการเจ็บหัวนม

 

สัญญาณการตั้งครรภ์ 10 ประการ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตั้งครรภ์ อันนี้ก็แล้วแต่คนค่ะ ผู้หญิงบางคนรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ แต่ผู้หญิงบางคน กว่าจะแน่ใจก็ต้องรอดูอาการ หรือทดสอบการตั้งครรภ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตา คอยเจ้าตัวน้อยมาเป็น โซ่ทองคล้องใจของครอบครัว อาจรอถึงเดือนที่ 2 ที่ 3 ไม่ไหว วันนี้เรามีอาการ 10 ข้อ ที่เป็นสัญญาณการตั้งครรภ์มาฝาก

สำหรับผู้ที่ใจร้อน หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าตนเองตั้งครรภ์ หรือไม่ลองสังเกตตามอาการ 10 ข้อนี้ อาการเหล่านี้ เป็นอาการทั่วไป ที่บอกเป็นนัยๆ ว่า คุณกำลังตั้งครรภ์เท่านั้น แต่อย่าลืมนะคะ ว่าแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเป็นครบทุกอาการที่กล่าวมา แต่บางคนอาจมีเพียงข้อ สองข้อ เท่านั้น

  • มีเลือดไหลกะปริดกะปรอยออกจากช่องคลอด หรือปวดเกร็งมดลูก เมื่อล่วงไปครึ่งหนึ่งของช่วงรอบเดือน คือ หลังจาก หมดประจำเดือนไปแล้ว ประมาณ 8-10 วัน และถึงกำหนดมีประจำเดือนครั้งต่อไปไม่นาน คุณ อาจจะพบเลือดไหล กะปริดกะปรอย ออกมาจากช่องคลอดเป็นจุดสีชมพูจางๆ

เนื่องจากในขณะนั้นตัวอ่อนกำลงฝังตัวเข้ากับผนังมดลูก เลือดที่เกิดจาก ไข่ฝังตัวนี้แตกต่างจากเลือดประจำเดือน ตรงที่มีสีอ่อน และมีปริมาณน้อยมากๆ ในขณะที่เลือดประจำเดือน จะมีสีแดงเข้ม มีปริมาณมาก และมีรูป แบบการมาที่แน่นอน คือ มาน้อย-มามาก-มาน้อย มดลูกเกร็งตัว ก็เป็นอาการอีกอย่างหนึ่ง ที่พบบ่อยในช่วงแรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีอาการหดเกร็งของมดลูก เหมือนกับเวลามีประจำเดือน จนกว่าถึงเวลาที่ตัวอ่อน จะฝังตัวได้ตำแหน่ง ที่กระดูกเชิงกรานสามารถรองรับได้ ในช่วง 3-6 เดือนแรก อาการปวดเกร็งมดลูกนี้ จะเป็นอยู่ตลอด และจะเป็นมากขึ้นเมื่อออกกำลังกาย, มีเพศสัมพันธ์ หรือเปลี่ยนอิริยาบถในบางครั้ง

  • แพ้ท้อง อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ คือภายใน 5-10 สัปดาห์หลังการตั้งครรภ์ และจะหายไป เมื่อเข้าช่วงสัปดาห์ที่ 16 คุณจะมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และมีน้ำลายมากกว่าปกติ ซึ่งมักเป็นตอนเช้า อาการเวียนศีรษะ เกิดจากร่างกายคุณแม่มีปริมาณโลหิตไหลเวียนมากขึ้น มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจทำงานหนัก แต่เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง เนื่องจากเลือดจำนวนมาก ถูกกักอยู่ในช่องท้อง เพื่อใช้เลี้ยงทารกในครรภ์

นอกจากนี้ ทารกในครรภ์ยังต้องการธาตุเหล็กมาก บางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อ ความต้องการของคุณแม่ อีกทั้งการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำลงด้วย จึงก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ส่วนอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการ ที่เกิดจากระดับ ฮอร์โมนที่สูงขึ้นรวดเร็ว อันส่งผลโดยตรงต่อกระเพาะอาหารค่ะ

  • ฐานเต้านมมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม ช่วงต้นๆ ของการตั้งครรภ์ ประมาณช่วงที่คุณคาดว่าจะมีรอบเดือน คุณอาจจะสังเกตเห็นว่า ฐานรอบๆ หัวนมจะเริ่มมีสีเข้ม และขยายวงกว้างออก มามากขึ้น เชื่อกันว่าสีเข้มนี้จะช่วยให้ทารกเกิดใหม่ หาหัวนมดูดได้ง่าย นอกจากนั้น คุณยังอาจสังเกตเห็นว่า เส้นเลือดบริเวณเต้านมกับตุ่มรอบหัวนม เล็กๆ ที่กระจายไปตามฐานนมมีจำนวน และขนาดเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยฐานเต้านมข้างหนึ่ง จะมีตุ่มเหล่านี้ประมาณ 4-28 ตุ่ม
  • คัดและเจ็บหน้าอก เจ็บหัวนม ในช่วง 3 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ (หลังจากประจำเดือนคลาดไปประมาณ 1 สัปดาห์) คุณอาจจะรู้สึกว่าหน้าอกบวมใหญ่ขึ้น เหมือนที่คุณรู้สึก ตอนกำลังจะมีรอบเดือน แต่สำหรับผู้ตั้งครรภ์เต้านมจะคัดตึงมากกว่า เพราะเตรียมสร้างน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูก อาการนี้จะหายไปหลังจากตั้งครรภ์ ผ่านไป 12 สัปดาห์
  • ปัสสาวะบ่อย หลังจากประจำเดือนขาดไป 1-2 สัปดาห์ (หรือในช่วง 3 เดือนแรก) คุณจะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น และมดลูกโตขึ้น จึงต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ ทำให้ไต กลั่นกรองปัสสาวะเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงปรับตัวให้มีเลือดเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เลือด ผ่านไตมากกว่าเดิม ส่งผลให้ไตกลั่นกรองปัสสาวะออกมากขึ้น

อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทารกในครรภ์ขยายตัว ไปกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้จุ ปัสสาวะได้น้อยลง อาการนี้ผ่านไปสักระยะ จะเป็นน้อยลงจนจางหายไป เพราะมดลูกอยู่สูงขึ้น ไม่มากดทับกระเพาะปัสสาวะ และจะเป็นอีก ครั้งเมื่อใกล้คลอด

  • เหนื่อยง่าย อาการอ่อนเพลียพบได้ในระยะ 8-10 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เวลาตั้งครรภ์ร่างกายคุณจะเปลี่ยนแปลง ระบบเมตาบอลิซึ่ม เพื่อปรับร่างกายให้ เหมาะสมกับการเจริบเติบโตของทารก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว อาการเหนื่อยง่ายนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ 12
  • ท้องผูก คุณอาจจะพบว่าท้องไส้ของคุณผิดปกติ ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ความผิดปกตินั้น เกิดจากร่างกาย ผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่มีฤทธิ์ลด ประสิทธิภาพการหดตัวของลำไส้ลดลง ออกมามากเกินไป ในระหว่างตั้งครรภ์
  • อุณหภูมิของช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น มั่นใจได้เลยว่า คุณเป็นคุณแม่คนใหม่แน่ ถ้าอุณหภูมิของร่างกาย ช่วงล่างของคุณ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าล่วงเวลาที่ประจำเดือนคุณควรจะมาแล้ว การที่ อุณหภูมิช่วงล่างของร่างกายสูงขึ้น แสดงว่าไข่ กำลังเดินทาง ไปตามท่อรังไข่ไปฝังตัวที่มดลูก

ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ นี่คือช่วง เวลาที่ร่างกายของคุณ รับรู้แล้วว่า คุณกำลังตั้งครรภ์ เวลาที่ไข่ เดินทางออกมา เป็นเวลาที่คุณแม่ส่วนใหญ่พบว่า อุณหภูมิของลำตัวช่วงล่างสูงขึ้นเป็น ครั้งที่ 3 ซึ่งจะห่างจากครั้งแรกประมาณ 7-12 วัน และมีเลือดคั่งอยู่ที่บริเวณช่วงล่างมาก และการไหลเวียนเลือดไม่ดี คุณแม่จะต้องระวังเส้นเลือด โป่งพอง ซึ่งเมื่อผนวกกับอาการท้องผูกไปด้วย อาจทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้

  • ประจำเดือนขาด ถ้าร่างกายคุณเป็นปกติดี นี่อาจจะเป็นสัญญาณแรก ที่เป็นเกณฑ์บอกคุณได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ถ้าคุณประจำเดือนขาดและมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใด ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ร่วมด้วย คุณก็มั่นใจได้โดยไม่ต้องทดสอบแล้วว่า คุณตั้งครรภ์แน่นอน
  • ผลทดสอบการตั้งครรภ์ที่เป็นบวก ถ้าประจำเดือนคุณขาดไปไม่ถึงวันดี แต่คุณอยากรู้แล้วละ ว่าคุณท้องหรือเปล่า การทดสอ บการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะจะแม่นยำในช่วง 10-14 วัน หลังจากปฏิสนธิ ถ้าคุณทนรอจนถึงเวลา ที่ประจำเดือนขาดไม่ได้ การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยเลือด จะมีผลแม่นยำในช่วงวันที่ 8-10 หลังการปฏิสนธิ

ให้พึงระลึกไว้ด้วย ว่า ผลการทดสอบการตั้งครรภ์ไม่ได้แม่นยำ 100% แม้ว่าจะทดสอบจากเลือดก็ตาม ถ้าคุณได้ผลออกมาเป็นลบ แต่ยังรู้สึกว่าตนเองยังตั้งครรภ์อยู่ ให้ลองทดสอบใหม่หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ แล้วอย่าลืมบอก ข่าวดีแก่คนที่คอยห่วงใยคุณด้วยนะคะ


แหล่งที่มา : blog.th.88db.com

อัพเดทล่าสุด