สิวฮอร์โมนรักษายังไง กินฮอร์โมนเพศหญิง การทำฮอร์โมนพืช


สิวฮอร์โมนรักษายังไง กินฮอร์โมนเพศหญิง การทำฮอร์โมนพืช

 

ผู้หญิง...อารมณ์เปลี่ยน
อ่านแล้วอาจจะงง วันนี้ ข้าพเจ้ามาแนวไหน 
ก็มาแนวสตรี เพราะเป็นสตรีนี่คะ  ;D
เข้าเรื่องแล้วกัน 
อารมณ์ของสตรีนั้นมีขึ้นๆลงๆอยู่เสมอ 
ยิ่งช่วง ของการมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะปรับเปลี่ยนแยะมาก 
อารมณ์หงุดหงิด พุ่งปรี๊ดๆ ส่วนมากจะมีแต่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นกันเกือบทุกคน 
คนที่รับเคราะห์คือคนใกล้ตัวหล่อนทุกที ไม่ว่าจะเป็นสามี เพื่อนหรือพี่น้อง ตลอดจนครอบครัวหรือลูกน้อง
ทำเอาคนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ .... ใครพูดอะไรก็ไม่ถูกหู พาลไปเรื่อย หงุดหงิดง่ายสุดๆ บางคนกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ 
บางคนซึมเซา เศร้าไปหมด คิดเล็กคิดน้อย ใจน้อยง่าย เรียกว่า อารมณ์ แรงปรี๊ด หรืออารมณ์ตกวูบ อารมณ์แปรปรวนมาก อะไรก็ร้องไห้ กันน่ากลัวเลย  
แถมมีอาหารปวดท้อง ปวดหลัง ตัวบวม  พาลหงุดหงิด กับทุกๆอย่างไปหมด 
อยากกินอะไรเผ็ดๆ รสชาติแรงๆ  บางคนก็เป็นตะคริว 
เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวด ต้องรีบออกห่าง ถ้าเป็นสามี คงจะพอรู้บ้าง เฮ้ยๆมาแล้วใช่เลย แบบนี้ ^^  
เพราะโครงสร้างของสตรีนั้น จะเตรียมตัวไว้สำหรับการตั้งครรภ์และจบลงที่การคลอดบุตร  ช่างน่าอัศจรรย์กับสิ่งที่พระองค์สร้างจริงๆ 
พระองค์ทรงสร้างให้ระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์เราทำงานเป็นรอบในแต่ละรอบ ก็มีวันที่จะสามารถปฏิสนธิได้แค่วันเดียว 
ถ้าปฏิสนธิกันได้ทุกวันป่านนี้คงล้นโลกไปแล้ว (แฮ่ะๆ)  สัตว์บางชนิด ต้องมีช่วงเวลาตามฤดูกาล ปีละหน 2 หนบ้าง - -" 
ผู้เขียนไม่ได้ทะลึ่งนะคะ 
บางคนก็ไม่เข้าใจผู้หญิงอะไรเนี่ยทำไมอารมณ์เป็นแบบนี้ขึ้นๆลงๆ 
อันนี้ชายอ่านไว้ก็ดีจะได้เข้าใจภรรยาว่านี่คือ สตรี สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา  
ไม่มีใครอยากจะทำสิ่งไม่ดีใส่ผู้อื่น จะได้เรียนรู้เข้าใจเธอที่ยิ่งฮะลาลกันแล้ว  ต้องเรียนรู้เธอมากๆ
ผู้อำนวยการด้านการรักษาสุขภาพของนิวเซาท์เวลประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า
"สภาวะอารมณ์ที่ผิดปกติในช่วงก่อนมีประจำเดือนอาจเกิดจากการผันแปรของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเทอโรนที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งทำให้สารเคมีในสมองที่ขื่อว่า "เซโรโทนิน"ที่ควบคุมทางด้านอารมณ์ไม่มั่นคง ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่มักหงุดหงิดและฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติ แต่ก็มีผู้หญิงราวอีก 4 เปอร์เซ็นต์ที่มีอารมณ์ตรงข้ามคือ อยู่ในสภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง
กรณีเหล่านี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับยาต่อต้านอาการซึมเศร้า หรือเพิ่มปริมาณการบริโภคแคลเซี่ยมให้ได้อย่างต่ำ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน (เท่ากับปริมาณนม 3 แก้ว) ด้วยวิธีเช่นนี้มีผู้ป่วยถึง 50 เปอร์เซ็นต์จากจำนวน 400 คนสามารถปรับสภาวะอารมณ์ให้เป็นปกติได้ในช่วงก่อนมีประจำเดือน " *1 
นพ.พันศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์ กล่าวว่า ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนมักมีอาการที่เรียกว่า "พีเอ็มเอส" 
หรือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เกิดจากระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล
จึงมักมีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะหงุดหงิด โดยผู้หญิงที่เป็นไมเกรนอยู่แล้ว จะส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนรุนแรงมากขึ้น เพราะถูกกระตุ้นจากภาวะฮอร์โมนในร่างกาย ไม่สมดุล
ซึ่งสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของอาการดังกล่าว ในช่วงที่มีประจำเดือนลงได้ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายสร้างสารต่อต้านความเจ็บปวด 
หรือ "เอ็นดอร์ฟิน" ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับโครงสร้างของมอร์ฟีนจึงมีสรรพคุณเหมือนเป็นยาแก้ปวด
ขณะเดียวกันการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้นอนหลับสบาย ระบบฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายปรับตัวสมดุล ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลช่วงมีประจำเดือนจะลดลง ส่งผลให้อาการปวดศีรษะไมเกรนลดลงด้วย
   ส่วนผู้หญิงที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนอยู่ด้วยนั้น ควรลดตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนลง เช่น ลดความเครียดออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอการรับประทานยาในกลุ่มแอนตี้พรอสตาแกลนดินช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรนในช่วงที่มีประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนใช้ยา โดยเฉพาะผู้มีปัญหาโรคกระเพาะอาหาร  *2 
ผู้หญิงบางคน ก็มาเดือนละ 2 หน บางคน ปีละหน โดยปกติแล้วผู้หญิงสาวๆ ยังไม่เคยมีลูกมดลูกยังใหม่ๆ อยู่ ประจำเดือนมักมาไม่ค่อยมาก แต่พอมดลูกผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก ผ่านการมีลูก มดลูกก็มักยืดขยายและแรงบีบรัดก็จะน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงหลังคลอดใหม่ๆ จะรู้สึกว่าประจำเดือนออกมามากกว่าปกติ สักระยะหนึ่งก็จะน้อยลงเอง แต่ไม่น้อยลงไปกว่าตอนที่ยังไม่มีลูก*3   
    
จัดการให้อยู่หมัดกับวันนั้นของเดือน 
สำหรับอาการหงุดหงิดในช่วงก่อนหรือมีประจำเดือน แพทย์จะแนะนำให้งดดื่มกาแฟ 
ในช่วงนั้นทั้งนี้เพราะกาแฟจะยิ่งทำให้คุณหงุดหงิดง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังควรออกกำลังกายอีกด้วย
"ขณะเดียวกันก็เกิดอาการทางใจด้วย โดยในช่วงเวลาดังกล่าวผู้หญิงมักจะมีอาการหงุดหงิด ฉุนเฉียว โมโหง่าย และเครียดได้ง่าย จึงเรียกว่าอาการเพี้ยนประจำเดือน ซึ่งจะเป็นน้อยหรือเป็นมากขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน บางคนอาจจะเป็นมากจนถึงกับต้องพบแพทย์ แต่ก็จะมีส่วนน้อย อย่างไรก็ตามผู้หญิงกว่า 60% ต่างมีอาการเพี้ยนประจำเดือนทั้งสิ้น"
สำหรับวิธีแก้ไขอาการเพี้ยนที่เกิดก่อนมีประจำเดือน น.พ.พันธ์ศักดิ์ แนะนำว่า สาเหตุของอาการแปรปรวนเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้น หากหญิงสาวคนใดสามารถรักษาระดับฮอร์โมนให้สมดุลได้ อาการต่างๆ ดังกล่าวก็จะน้อยลง โดยต่อมใต้สมองจะทำหน้าที่ในการควบคุมฮอร์โมนจากรังไข่ ดังนั้น หากจะควบคุมให้ฮอร์โมนสมดุลได้ดี ต่อมใต้สมองก็ต้องทำงานได้ดีด้วย
" การที่ต่อมใต้สมองจะทำงานได้ดี เราต้องนอนหลับสนิทในที่มืด และควรเข้านอนก่อน 2 ยาม ก็จะทำให้ระบบกระตุ้นฮอร์โมนต่างๆ ดีขึ้น อาการต่างๆ ของผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือนก็จะน้อยลง แต่ปัญหาคือผู้หญิงปัจจุบันนอนน้อย กินอาหารไม่ถูกส่วน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการผลิตไข่ ทำให้หลายคนมีอาการมากขึ้น "
น.พ.พันธ์ศักดิ์ แนะนำอีกว่า วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ อีกประการคือ ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะเวลาออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟิน ซึ่งสารชนิดนี้จะมีอยู่ในยาแก้ปวดชนิดรุนแรง สามารถแก้อาการปวดท้อง ปวดหัวที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ยา นอกจากนี้ยังส่งผลให้ร่างกายผ่อนคลาย มีความสุขไม่หงุดหงิดง่ายด้วย
นอกจากนี้อาจจะใช้วิธีกิน "ยาคุม" ซึ่งในยาคุมโดยทั่วไป จะมีฮอร์โมนเพศหญิงในระดับต่ำเท่าๆ กันอยู่ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง...แต่วิธีนี้คุณหมอพันธ์ศักดิ์เห็นว่า ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานควรระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดการเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ 
" อาหารการกินก็สามารถช่วยได้ ในช่วงใกล้มีประจำเดือนควรรับประทานพืชผักผลไม้เยอะๆ บริโภคอาหารที่มีรสหวาน หรืออาหารที่สามารถแปรไปเป็นกลูโคสได้ง่าย ซึ่งมีการค้นพบว่ากลูโคสช่วยลดอาการที่เกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนหรือระหว่างมีประจำเดือนในผู้หญิงได้ " 
น.พ.พันธ์ศักดิ์ ได้กำชับด้วยว่า ช่วงมีรอบเดือน สภาพร่างกายของผู้หญิงจะอ่อนไหวต่อการติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย เพราะระบบของร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อจากการอักเสบ ติดเชื้อจากโรคระบบทางเดินหายใจ หรือการติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น จึงควรจะหลีกเลี่ยงที่จะไปอยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทั้งหลาย *4 
ที่กล่าวมาผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำเรื่องเกี่ยวกับการแก้ความหงุดหงุดช่วงวันนั้นของเดือนแล้ว 
ทีนี้ มาแนะนำเรื่องศาสนาควบคู่ไปด้วย
สตรีกับอารมณ์นั้นเป็นสิ่งคู่กันมากๆ ดังนั้น เมื่อโกรธหงุดหงิดให้อดทน ซอรบัรไว้ เพราะการโกรธคือการเดินตามชัยฎอน 
ดังนั้นช่วงนี้ จะตกเป็นลูกน้องของชัยฎอนได้ง่ายมากๆ   จะตัดสินใจทำอะไรก็ระมัดระวังมากๆ 
หากมีการหย่า(เฏาะลาก) ต้องรอให้หมดให้หมดรอบเดือน ไปแล้ว 3 รอบ เผื่อว่า เธออาจจะตั้งครรภ์ 
- เมื่อมีประจำเดือน ไม่สมควรที่จะแวะพักเข้าในมัสยิด  ไม่ทำอิบาดะฮฺ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เรื่องเลือดสตรี 
- วันนั้นของเดือน สามารถ ตัดผม ตัดเล็ม ได้ตามปกติ ไม่ใช่หอบเอาเล็บ ,ผมที่ตัดแล้วมาอาบน้ำด้วยนะคะ เพราะมันไม่เกี่ยวกันเลย 
- เมื่อมีประจำเดือน ก็งดการมีเพศสัมพันธ์ กับสามี อย่าฝ่าไฟแดงนะเออ ^^ 
- จะมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องหมดประจำเดือนแล้ว และจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยกับน้ำสะอาดหลังจากหมดประจำเดือนเสียก่อน 
- อีกทั้ง หลังหมดประจำเดือน สาวๆก็ต้องอาบน้ำ หลังหมดประจำเดือน 
- ใครที่จิตตกอีหม่านอ่อนในช่วงนี้ก็แนะนำให้อ่านหนังสือศาสนา อ่านเว็บศาสนา เพื่อไม่ให้อีหม่านลดระดับลงไป
เรื่องเกี่ยวกับประจำเดือนที่ถูกกล่าวไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน
 อัลกุรอาน ซูเราะฮฺบากอเราะฮฺ โองการที่ 222 ว่า
" และพวกเขาจะถามเจ้า (มูฮัมหมัด) เกี่ยวกับประจำเดือน จงกล่าวเถิดว่า มันเป็นสิ่งให้โทษ ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลหญิง (ภรรยา) ในขณะมีประจำเดือนและจงอย่าเข้าใกล้พวกนาง จนกว่าพวกนางจะสะอาด (ประจำเดือนหมด) ดังนั้นเมื่อพวกนางได้ชำระร่างกายสะอาดแล้ว (หลังจากประจำเดือนหมด) ก็จงเข้าหาพวกนางเถิด ตามที่พระองค์อัลลอฮฺทรงบัญชาใช้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว และทรงรักบรรดาผู้บริสุทธิ์ (ผู้ไม่มีบาป) ทั้งหลาย" 
สาวๆคงจะมีวิธีจัดการช่วงวันนั้นของเดือนได้แล้วนะคะ 
อ้างอิง  
*1 https://www.elib-online.com/doctors/lady_mensuation02.html
*2 https://women.thaiza.com/detail_31026.html
*3 https://www.elib-online.com/doctors/lady_mensuation02.html
*4 https://www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=5389
          


แหล่งที่มา : annisaa.com

อัพเดทล่าสุด