โรคเริมที่อวัยเพศชาย oral sex ติดโรคเริม โรคเริม กี่วันหาย


โรคเริมที่อวัยเพศชาย oral sex ติดโรคเริม โรคเริม กี่วันหาย

         โรคเริมที่อวัยเพศชาย

ทำไมฉันถึงเป็นเริม
เริมที่อวัยวะเพศ

เริมสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปตามร่างกาย แต่ที่พบบ่อยที่สุดก็คือ บริเวณใกล้ๆ กับปาก และบริเวณอวัยวะเพศ เริมเป็นโรคที่พบเห็นได้บ่อยในปัจจุบัน ทางเลือกในการรักษาโรคนี้ยังมีไม่มากนัก และจากการคิดค้นวิธีรักษาเริมแบบใหม่ๆ ทำให้เราพบผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ เอช บาล์ม (H-Balm) ซึ่งในปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งสามารถทำให้คนที่ติดเชื้ออยู่ในเวลานี้ มีทางเลือกในการรักษาอย่างแท้จริง ผลของการกำจัดเชื้อไวรัสของ เอช บาล์ม (H-Balm) ที่มีต่อไวรัสเริม ได้มีการทดสอบแล้วโดยทางคลีนิควิทยา โดยเมื่อเชื้อไวรัสเริมเจอกับ เอช บาล์ม (H-Balm) เชื้อไวรัสตัวนี้ก็จะหมดปฏิกริยา และมีสภาพเป็นกลาง (inactivated and neutralized) ทำให้หยุดการแพร่กระจายตัวเอช บาล์ม (H-Balm) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการกำจัดไวรัสขั้นสูง และกำจัดไวรัสเริม ได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้าง

มีการสรุปว่า เอช บาล์ม (H-Balm) สามารถยับยั้งไวรัสเริมที่ทำให้เกิดเริมตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเริมที่ปาก เริมที่บริเวณอวัยวะเพศ และหลังจากกำจัดเชื้อไวรัสหมดสิ้นไปแล้ว ยังสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัสเริมได้อีกด้วย การใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อรักษาเริมนั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นวิธีที่ปลอดภัย สามารถกำจัดการแพร่กระจายของไวรัส และทำให้เหลือน้อยที่สุด วิธีนี้ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการซ้ำซ้อนที่เกิดจากเชื้อไวรัส หรือการย้อนกลับมาเป็นอีกได้

ความอัศจรรย์ของการรักษาโรคให้หายภายในวันเดียว ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา การใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อกำจัดไวรัสเริม ยังเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ เป้าหมายของเราคือ การรักษาที่สมบูรณ์ รวมถึงการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้อีก เอช บาล์ม (H-Balm) ไปลดผลกระทบของการติดเชื้อไวรัสเริมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำให้เชื้อโรคเป็นกลาง (Neutralizing ) และพัฒนากระบวนการเผาผลาญ รวมถึงการเพิ่ม ปฏิกริยาการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย

เชื้อไวรัสเริม เป็นเชื้อโรคที่มีอนุภาคเล็กๆ ภายในเซลอาศัยอยู่ใน DNA ของนิวเคลียสของเซล DNA หรือ สารทางพันธุกรรมนี้ จะล้อมรอบด้วยโปรตีนหรือไลโปโปรตีน เปลือกหุ้มที่ปกป้องกรดนิวคลีอิคนี้ ในอีกทางหนึ่ง กลับทำให้เชื้อไวรัสเริมเพิ่มความสามารถในการกำจัดเซลอื่นๆ

ไวรัสเริมสามารถแพร่กระจายผ่านของเหลวที่อยู่ในตุ่มเล็กๆ ของมัน ตุ่มของเริมที่เกิดขึ้นนั้นจะมีเชื้อไวรัสเริมปะปนอยู่ ดังนั้นการแพร่เชื้อจึงสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย นอกจากนั้นหลังจากรับเชื้อไปแล้ว ระยะฝักตัวก่อนที่จะแสดงอาการนั้นจะอยู่ราวๆ 30-180 วัน นั้นก็หมายความว่า เชื้อไวรัสเริมนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้ว อาจจะยังไม่แสดงอาการใดๆ สำหรับการปะทุของเริม เป็นกลไกทางพันธุกรรมอิสระที่เข้าไปควบคุมกลไกของเซล ทำให้เกิดการสังเคราะห์ไวรัสโปรตีน และไวรัสกรดนิวคลีอิค ไวรัสเริมที่เกิดขึ้นตามร่างกายทั้งบริเวณปาก และเริมบริเวณอวัยวะเพศไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิต มันเพียงแต่สามารถเพิ่มปริมาณของตัวมันซ้ำๆ ในเซลแม่ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งก็คือตัวของคน เมื่อคนเกิดการติดเชื้อ ตัวไวรัสจะสร้างกรดนิวคลีอิค และสุดท้ายมันจะสังเคราะห์โปรตีนที่ห่อหุ้มไวรัสเริมชนิดนี้ จะทำซ้ำตัวเองภายในเซลของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลแม่ และส่งต่อไปยังเซลอื่นๆ รวมถึงในระบบร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลแม่ มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า เมื่อบำบัดไวรัสเริมโดยใช้น้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการรับรองที่ปริมาณและ ความเข้มข้นหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วย นิวคลีโอฟิลิก (ซิทรัล) ซึ่งมีอยู่ใน เอช บาล์ม (H-Balm) จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการกำจัดเชื้อโรคทิ่เกิดกับไวรัสที่อยู่บริเวณ เปลือกหุ้ม เช่น ไวรัสเริม ความสามารถในการทำให้ไวรัสเริม มีคุณสมบัติเป็นกลางนี้ยังพบใน สารเทอร์ฟีน อัลกอฮอล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยเหมือนกัน และแน่นอน สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ เอช บาล์ม (H-Balm)

วิธีการใช้ เอช บาล์ม (H-Balm) เพื่อรักษาเริม เป็นวิธีรักษาแบบภายนอก ใช้ทาตรงบริเวณที่เป็น ถ้าเป็นไปได้ควรจะใช้ก่อนที่จะเกิดอาการแพร่กระจาย เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคโตเต็มที่ แนะนำให้ทา บ่อยๆ เมื่อใช้ใน 24 ชั่วโมงแรกในบริเวณที่เป็น เอช บาล์ม (H-Balm) สามารถป้องกันโรคเริมได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดการแพร่กระจาย หรือตั้งแต่ตอนเริ่มเป็น และหยุดการแพร่กระจายได้

เอช บาล์มสูตรธรรมดาและสูตรเข้มข้น : ให้ใช้งานทันทีเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะเป็นเริม หรือระหว่างที่มีการแพร่กระจาย ผลิตภัณฑ์ของเรามีส่วนผสมของสารสกัดเข้มข้นที่สามารถกำจัดไวรัสได้ สามารถทาตรง ๆ ที่บริเวณแผล หรือเอาสำลีชุบน้ำมันให้ชุ่มแล้วทา จากนั้นนำพลาสเตอร์มาปิดแผล ยิ่งใช้บ่อยก็ยิ่งลดการระบาดที่รุนแรง การแพร่ระบาดจะหยุดทันทีเมื่อใช้ เอช บาล์ม ในระยะเริ่มต้น หรือเมื่อเริ่มมีผื่นแดง ควรทาอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) หรือหากมีอาการปวด หรือแสบจากเริมสามารถทาเพิ่มได้ตลอดวัน

เอช บาล์ม เดลี่ : บรรเทาการแพร่กระจายของเริม ใช้ 3-4 ครั้งต่อวัน (โดยให้ทาหลังจาก เอช บาล์ม หรือ เอช บาล์มสูตรเข้มข้นแล้ว) ในบริเวณที่คิดว่าจะเกิดการแพร่กระจาย สามารถใช้ได้ทุกวัน เอช บาล์ม เดลี่ ผลิตมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ 100 % ได้รับการพิสูจน์จากห้องทดลองแล้วว่า สามารถหยุดปฏิกิริยาของโรคเริมได้ ถ้าใช้บ่อยผลจะดีขึ้นเรื่อย ๆ หากใช้เอช บาล์ม เพื่อหยุดการแพร่กระจาย และใช้เอช บาล์ม เดลี่ เพื่อลดความถี่และความรุนแรง ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดควบคู่กัน จะสามารถกำจัดการแพร่กระจายได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นหากได้รับประทาน ซุปเปอร์ ไลซีนสูตรเข้มข้น ก็จะเป็นการรักษาเริมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

        Link   https://www.forcesofnature.co.th

อวัยวะเพศ Archive

  • เริม ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรคเริมมีอาการอย่างไร ?            เริมเป็นโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “เฮอร์ปีส์” ก่อโรคได้เกือบทุกแห่งของร่างกาย พบได้บ่อย 2 บริเวณ ได้แก่ • เริมที่ริมฝีปาก • เริมบริเวณอวัยวะเพศ ก้น            รอยโรคของเริมมี ลักษณะเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็ก ๆ มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้น...

    เริม โรคเริม

    Posted on July 22, 2012 | No Comments
    เริม ภาควิชาตจวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรคเริมมีอาการอย่างไร ?            เริมเป็นโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “เฮอร์ปีส์” ก่อโรคได้เกือบทุกแห่งของร่างกาย พบได้บ่อย 2 บริเวณ ได้แก่ • เริมที่ริมฝีปาก • เริมบริเวณอวัยวะเพศ ก้น            รอยโรคของเริมมี ลักษณะเริ่มต้นเป็นตุ่มน้ำพองใสเหมือนหยดน้ำเล็ก ๆ มีขอบแดง มักขึ้นรวมกันเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกเป็นแผลถลอกตื้น...

    Continue Reading...

  • แผลเริมที่อวัยวะเพศ โดย  นางสุจิตตรา  พงศ์ประสบชัย นางชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม นางเพียงเพ็ญ ธัญญะตุลย์ ที่ปรึกษา  อาจารย์แพทย์หญิงเจนจิต  ฉายะจินดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มานพชัย  ธรรมคันโท รองศาสตราจารย์นายแพทย์ อัมพัน เฉลิมโชคเจริญกิจ หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาเหตุ  เชื้อที่ทำให้เกิดโรคคือ เชื้อเริมอวัยวะเพศ (Herpes simplex virus...

    แผลเริมที่อวัยวะเพศ

    Posted on July 5, 2012 | No Comments
    แผลเริมที่อวัยวะเพศ โดย  นางสุจิตตรา  พงศ์ประสบชัย นางชนากานต์ เกิดกลิ่นหอม นางเพียงเพ็ญ ธัญญะตุลย์ ที่ปรึกษา  อาจารย์แพทย์หญิงเจนจิต  ฉายะจินดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์มานพชัย  ธรรมคันโท รองศาสตราจารย์นายแพทย์ อัมพัน เฉลิมโชคเจริญกิจ หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สาเหตุ  เชื้อที่ทำให้เกิดโรคคือ เชื้อเริมอวัยวะเพศ (Herpes simplex virus...

       Link     https://www.healthkonthai.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


                  oral sex ติดโรคเริม

การรักษาโรคเริม

แบ่งการรักษาออกเป็นการรักษาในภาวะเฉียบพลัน และการรักษาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

h1ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำ

  • สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นได้แก่ การถูไถ การสัมผัสลม แสง ความเย็น เสื้อผ้าคับๆ เหงื่อ
  • ความเครียด
  • อาหารได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต 
  • การมีประจำเดือน
  • การนอนหลับ ความเครียด ไข้

ใครมีปัจจัยเสี่ยงในการได้รับเชื้อ herpes simplex

ทุกๆคนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ herpes simplex โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะไม่ดี โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก ส่วน (HSV-2) จะติดต่อทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาททำให้เชื้อลามเป็นบริเวณ กว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่

  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็ก อายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน การจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้สามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัส ด้วยมือดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาด
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศมัก เกิดในผู้ที่มีคู่ขาหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก oral sex ซึ่งเชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะเป็น type 1 การป้องกันการติดเชื้อควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ
  • การเป็นเริมในทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นเช่น นักมวยปล้ำ นักรักบี้ นักมวย ผู้ป่วยโรคเอดส์

มีการศึกษาว่าแม้จะไม่มีผื่น หรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นไม่มีหลักประกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจาก โรคเริม

โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ herpes simplex

  • การตั้งครรภ์และการติดเชื้อ herpes simplex พบว่าคนท้องที่ติดเชื้อประมาณร้อยละ 0.01.0.04 อาจจะเกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะการติดเชื้อใกล้คลอดดังนั้นแนะนำว่าควรจะรักษา หากเกิดการติดเชื้อเมื่อใกล้คลอด การติดเชื้อครั้งแรกจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าการติดเชื้อที่กลับเป็นซ้ำ
  • Herpes Encephalitis เกิดจากเชื้อที่อยู่ในระยะ Latency และเกิดการแบ่งตัวผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาแต่โชคดีที่พบน้อย
  • Herpes Meningitis พบได้ร้อยละ 4-8 ในคนที่เป็น primary genital HSV-2พบมากในผู้หญิงแต่ไม่ต้องตกใจเนื่องจากหายเองใน 2-7วันผู้ป่วยจะปวดศีรษะ อาเจียน และมีไข้
  • ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากยา เช่น steroid มะเร็ง ยารักษามะเร็งหากผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อ herpes simplex จะเป็นรุนแรงมีโรคแทรกซ้อนปอดบวม ตับอักเสบ สมองอักเสบ
  • การติดเชื้อที่ตา อาจจะทำให้ตาพร่ามัว ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะทำให้ตาบอด
 

การวินิจฉัย

tzank
  • สามารถทำได้โดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายพบผื่นดังกล่าวข้างต้น
  • การเพาะเชื้อไวรัสโดยการนำน้ำ ใต้ตุ่มใสไปเพาะเชื้อ โดยเฉพาะควรจะนำหลังจากเกิดผื่นแล้วไม่เกิน 3 วัน การตรวจนี้ไม่ได้ผลในรายที่ผื่นตกสะเก็ด หรือผื่นของการกลับเป็นซ้ำ
  • การตรวจโดยกล้องจุลทัศน์โดยการนำเนื้อเยื่อไปส่องกล้องพบเซลล์ตัวโต

การรักษา

มียารับประทานให้เลือก 3 ตัวให้เลือกในการรักษา ยาทั้ง 3 ตัวมิไดให้หายขาดเพียงแต่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็น ยาทั้ง 3 ได้แก่ Acyclovir,Valacyclovir,Famciclovir การให้ยามีได้ 2 ลักษณะคือ

  1. Acute therapy หมายถึงการเริ่มให้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการคือปวดแสบปวดร้อนโดยที่ยังไม่มี ผื่นขึ้น ถ้ามีผื่นขึ้นจะไม่ได้ผล ให้ยาครบ 5 วัน
  2. Suppress therapy คือการให้ยาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำจะเลือกให้ในรายที่เกิดกรกลับเป็นซ้ำ บ่อย หรือมีโรคประจำตัว

สำหรับยาทายังไม่มียาทาที่ได้ผลดี ยาทาอาจจะได้ผลในแง่ลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วยาที่นิยมใช้คือ acyclovir ครีมซึ่งได้ผลเฉพาะ primary lesion ยาทาไม่ช่วยลดจำนวนเชื้อหรือลดระยะเวลาที่เป็นโรค สำหรับยาอื่นต้องเลือกให้ดีเพราอาจจะมีแอลกอฮอล์ หรือสารที่ระคายอย่างอื่นซึ่งทำให้แผลหายช้ายาซึ่งมีส่วนผสมของ steroidก็ไม่ควรใช้เพราะแผลจะหายช้า

 

เป็นครั้งแรก
(รักษา 7-10 วัน)

กลับเป็นซ้ำ
(รักษา 5 วัน)

การป้องกัน

acyclovir (Zovirax)

400mg 3ครั้ง/วัน
หรือ
200mg 5ครั้ง/วัน

400mg 3ครั้ง/วัน
หรือ
200mg five times/day
หรือ
800mg 2ครั้ง/วัน

400mg 2ครั้ง/วัน

famciclovir
(Famvir)

250mg 3ครั้ง/วัน

125mg 2ครั้ง/วัน

250mg 2ครั้ง/วัน

valacclovir
(Valtrex)

1000mg 2ครั้ง/วัน

500mg 2ครั้ง/วัน

500mg วันละครั้ง
or
1000 mg วันละครั้ง

ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำและการรักษา โรคเริมที่ปาก โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริม

        Link   https://www.siamhealth.net

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


                 โรคเริม กี่วันหาย

     

โรคเริมคืออะไร บางคนเอามาคิดจนบ้า สติแตก...กว่าคนติด H ซะอีก
โรคเริมคืออะไร บางคนเอาคิดจนบ้า สติแตก....กว่าคนติด H ซะอีก
หลายคนไปเสี่ยงมา และพอผ่านมาไม่กี่วันก็เริ่มวิตก กังวลหลายๆอย่างเกินเหตุ กลัวไปสารพัดกับไอ้แค่ตุ่มที่ขึ้น จนดูเหมือนจะยิ่งบ้ากว่าคนติด H ซะอีก แหมคุณๆทั้งหลายค๊า เล่นเหมาว่าเป็นเอดส์ซะก่อนเลยหรือ? กลัวแต่ไม่กล้าตรวจ แล้วมาถามๆๆ พอตอบไปบางคนก็ยิ่งเครียด ไปตรวจก่อนให้แน่ใจ และไม่อยากวิตกหรือทุกข์แบบนี้ ก็อย่าตามใจกิเลสมากนักซิ ยั้งๆไว้บ้าง ใช้มือก็ได้ โลกสวยด้วยมือเรา...อะจะได้ไม่ต้องมาเครียด จนเป็นอะไรนิดเป็นอะไรหน่อยเหมาว่าเอดส์หมด เฮ้อเหนื่อยใจ
โรคเริม (Herpes simplex)โรคเริมเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ"H. simplex" ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดที่พบบริเวณริมฝีปาก ทั้งบนและล่าง หรือมุมปาก พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และชนิดที่มักจะพบที่บริเวณอวัยวะเพศ พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ลักษณะอาการจะมีผื่น พบกลุ่มของตุ่มน้ำใสอยู่บนผิวหนังที่มีสีค่อนข้างแดงประมาณ 1-2 วัน จากนั้นตุ่มน้ำใสนี้ จะแตกออก และตกสะเก็ดแต่บางรายอาจเป็นนานกว่านั้นเกือบถึง 1 สัปดาห์ ระยะแรก จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย จากนั้นจึงพบกลุ่มของตุ่มน้ำใสดังกล่าว ต่อมาจะรู้สึกเจ็บแสบร้อนคันเล็กน้อย
การติดต่อ
เริมทั้ง 2 ชนิดนี้ ติดต่อกันได้ทางการสัมผัสโดยตรง เช่น การใช้แก้วน้ำร่วมกัน การจูบกันและติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
เป็นซ้ำได้
เชื้อไวรัสเริมนี้อาจเกิดเป็นซ้ำได้อีก ไม่มีทางหายขาดได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสเริมนี้จะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท (ganglion) ของคุณ วันดีคืนดีก็จะคืบคลานออกมาทำให้คุณกลับเป็นเริมซ้ำได้อีก และมักจะเป็นเริมซ้ำที่บริเวณเดิม หรือใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิมเสมอ ปัจจัยที่ทำให้เป็นเริมซ้ำได้อีกมีดังนี้
1.การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
2.ความเครียด วิตกกังวล เช่น ทำงานหนัก ใกล้สอบ เป็นต้น
3.ความเจ็บป่วย ช่วงที่สุขภาพอ่อนแอ ทรุดโทรม ไม่ค่อยสบาย จะกลับเป็นเริมได้อีก
4.อากาศร้อน
วิธีการรักษา
1.ยาทากลุ่มอะไซโคลเวียร์ (acyclovir)
2.ยากินกลุ่มอะไซโคลเวียร์
3.หายเองได้ ถ้านอนหลับพักผ่อนเพียงพอ อาจหายเองได้ใน 2-3 วัน


         Link   https://pha.narak.com

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด