สมุนไพรไทยว่านหางจระเข้ บอกถึง วิธีใช้ว่านหางจระเข้ทาหน้า อย่างถูกต้อง!!


สูตรว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพร
สรรพคุณ บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว
ส่วนผสม ว่านหางจระเข้

วิธีทำ เลือกใบจากต้นว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเลือกใบล่างสุดซึ่งจะอวบโต มีวุ้นมาก นำมาแช่น้ำเพื่อล้างยางเหลืองๆ ออกให้หมด(ยาง เหลืองมีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ทำให้แสบร้อน เป็นผื่นแดง) จากนั้นปอกเปลือกออก แล้วเอาวุ้นที่ได้ล้างน้ำให้สะอาดอีกทีหนึ่ง นำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำ ก็จะได้เจลว่าน หางจระเข้ การใช้ว่านหางจระเข้สดได้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งจะมีปัญหาการคงตัวเมื่อถูกความร้อน

วิธีใช้
ล้าง หน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วใช้เจลพอกทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก สูตรนี้เหมาะ สำหรับคนผิวมันสำหรับคนผิวแห้ง ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เดี่ยว ๆ ควรเติมน้ำมันมะกอกกับไข่แดง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

หมายเหตุ
ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้กับสิวหัวหนอง เพราะฟิล์มจากว่านจะทำให้สิวหายช้า

ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)

คุณ ค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
       
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าไม่แพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว 
         
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้


ชื่อทางวิทยาศาสตร์:
Aloe vera Linn.   วงศ์  Liliaceae
ชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่น: ภาคกลางเรียก  ว่านหางจระเข้   ภาคเหนือเรียก ว่านหางจระเข้   ภาคอีสานเรียก  ว่านหางจระเข้,ว่านแข้,หว่านตะแข่,หว่านตะเข้  เขมรในถิ่นไทยเรียก ประเตียล,กระปือ   ภาคใต้เรียก  หว่านเข้
ส่วนที่นำมาใช้มี 2 ส่วน คือ: ส่วนที่ 1. ยางจากใบ  โดยการทำให้แห้งเป็นก้อน เรียกว่า ยาดำ  นำมาใช้เป็นยาระบาย   ส่วนที่ 2.  ส่วนที่เป็นวุ้น
สารที่มีประโยชน์: สารอะโลอิน (aloin) และสารอื่นๆ  มีฤทธิ์ยับยั้งเอ็นไซม์  ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง
สรรพคุณทางยา: ส่วนที่เป็นวุ้น  1.ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ ช่วยสมานห้ามเลือด ระงับปวด  2.รักษาโรคผิวหนัง,แผลเรื้อรัง,เริม,งูสวัด   3.ลบรอยแผลเป็น, แก้ผื่นคันจากการแพ้สารต่างๆ  4. แก้ขี้เรื้อนกวาง,ผื่นปวดแสบปวดร้อน,แก้พิษแมลง,แมงกะพรุน,ใบตำแย   5.รักษาโรคกระเพาะอักเสบ,ท้องผูก,บำรุงร่างกาย,ขับพิษ
สรรพคุณในเครื่องสำอาง:  1.ใช้วุ้นของว่านหางจระเข้ ผสมในแชมพู  ครีมนวดผม   2.ผสมครีมบำรุงผิว ลบจุดด่างดำ ลดฝ้าบนผิวหนัง  3.ใส่ผม ทำให้ผมหงอกช้า  เป็นเงางาม   4. ใช้ส่วนที่เป็นวุ้นพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ช.ม  แล้วล้างออก ช่วยดูดสิวเสี้ยนและฆ่าเชื้อบนผิวหน้า
ภูมิปัญญาชาวบ้าน: ไฟใหม้  น้ำร้อนลวก ใช้วุ้นทาเพื่อป้องกันรอยแผลเป็น 


 
ที่มา www.samunpri.com

 

อัพเดทล่าสุด