ปัญหา อาหารที่ไม่มีไอโอดีน และ เกลือไม่มีไอโอดีน ส่งผลกระทบเด็กไทยมากๆ!!


2,130 ผู้ชม


ปัญหา  ไอโอดีน ใน เกลือไม่มีไอโอดีน
ปัญหาขาด ‘สารไอโอดีน’ ระวัง ‘ไอคิวต่ำ เอ๋อ คอพอก’ ถามหา
โลก นี้ก็ช่างปะไร คนรวยก็รวยล้นฟ้า กินอยู่อย่างอิ่มหมีพีมัน ในขณะที่คนยากคนจนจำนวนไม่น้อยต้องอยู่กันอย่างแร้นแค้นอดมื้อกินมื้อ ขาดอาหาร จนกลายเป็นโรคขาดสารอาหาร ซึ่งโรคขาดสารไอโอดีน ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ไทยประสบอยู่ในขณะนี้
ดัง นั้นเพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาขาดสารไอโอดีน “X-RAY สุขภาพ” จึงมาพูดคุยกับ นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
นพ.ณรงค์ศักดิ์ อธิบายว่า ไอโอดีน เป็นธาตุอย่างหนึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ พบ มากในดินและน้ำแถบที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ ชายทะเล ทะเล ทำให้พืชผักและสัตว์ทะเล มีไอโอดีนมากไปด้วย
เดิม โรคขาดสารไอโอดีนพบมากในชนบทที่ห่างไกลทะเล พื้นที่สูงทางภาคเหนือ และภาคอีสาน เช่น จ.แม่ฮ่องสอน ยโสธร เชียงราย เลย และตาก แต่ปัจจุบันพบว่า ทั้งภาคกลาง ใต้ หรือแม้แต่พื้นที่ติดชายทะเล รวมทั้งคนกรุงเทพฯก็มีสิทธิเป็นโรคนี้ได้เช่นกันหากร่างกายได้รับสารไอโอดีน ไม่เพียงพอทุกวัน
ร่างกายของคนเรา ต้องการไอโอดีนเฉลี่ยวันละ 150 ไมโครกรัม เพื่อนำไปผลิตฮอร์โมน ธัยร็อกซิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ของ ร่างกาย และสมองให้มีการเจริญเติบโตอย่างปกติ โดยเฉพาะทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ไปจนถึงอายุ 2 ขวบ หากขาดสารไอโอดีน จะทำให้สมองเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ลดความเฉลียวฉลาด (ไอคิว) หรือระดับสติปัญญาของเด็กได้ถึง 10- 15 จุด ทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องการเล่าเรียน
ไอโอดีน มีความสำคัญมากต่อการส่งเสริมความเฉลียวฉลาดด้านสติปัญญา มีข้อมูลบ่งชี้ว่า เด็กที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีการขาดสารไอโอดีน มีระดับสติปัญญาต่ำกว่าเด็กที่อาศัย อยู่บริเวณที่ได้รับสารไอโอดีนเพียงพอ ถึง 13.5 จุดไอคิว ที่สำคัญถ้าหญิงตั้งครรภ์ขาดสารไอโอดีนอาจทำให้ทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แท้ง พิการแต่กำเนิด หรือเด็กเกิดมาจะปัญญาอ่อนเป็นใบ้ ช่วยตัวเองไม่ได้ เป็นเด็กเอ๋อ
กระทรวงสาธารณสุขเป็น ห่วงเรื่องไอคิวของเด็ก เพราะปัจจุบันไอคิวอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนโอกาสที่จะเกิดโรคเอ๋อต้องยอมรับว่าน้อยมาก เว้นแต่ว่าเป็นพื้นที่ ที่มีอุบัติการณ์คอหอยพอกร้อยละ 70 คือ ในพื้นที่นั้น 100 คน เป็นคอหอยพอก 70 คน เด็กเกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคเอ๋อสูง แต่ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีพื้นที่ไหนมีโรคขาดสารไอโอดีนรุนแรงมากขนาดนั้น
เมื่อ รู้แล้วว่าไอโอดีนมีส่วนสำคัญที่จะทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นในช่วงตั้งครรภ์ มารดาควร ได้รับสารไอโอดีนเพิ่มเป็นพิเศษ เนื่องจากเซลล์กำลังเจริญเติบโตเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเซลล์สมองของทารก
ปัญหา ขาดสารไอโอดีน จนเป็นเอ๋อ หรือ คอพอก จึงสามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารทะเล หรือใช้เกลือเสริมไอโอดีนปรุงอาหารเป็นประจำ ถ้าปล่อยให้ร่างกายขาดสารไอโอดีนจะเป็นโรคคอพอกแล้ว จะแก้ไขให้กลับคืนสู่สภาพของคนปกติได้ยาก
นพ.ณรงค์ ศักดิ์ ย้ำว่า การได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอจะทำให้สมองของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ และเต็มศักยภาพ เรียนหนังสือเก่งกว่าเด็กที่ได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอ จากรายงานขององค์การยูนิเซฟ ระบุว่า เกลือเสริมไอโอดีนทำให้เด็กในวัยเรียนเฉลียวฉลาดและไอคิวสูงขึ้น โดยทดลองให้เด็กนักเรียนที่ได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอ กินอาหารที่ปรุงด้วยเกลือเสริม ไอโอดีนนานติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งพบว่า ความฉลาดในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น และในวงการแพทย์ไทยก็พบว่า เด็กมีการเรียนหนังสือดีขึ้น รวมทั้งอาการคอพอกที่เริ่มเป็นใหม่ ๆ ก็จะยุบลงด้วย
นอกจากอาหารทะเลแล้ว เกลือเสริมไอโอดีน ก็จะมีสารไอโอดีนอยู่ ในปัจจุบันในท้องตลาดมีเกลือบริโภคอยู่ 2 ชนิด คือ เกลือสินเธาว์ และเกลือทะเล ทั้ง 2 ชนิดเป็นเกลือธรรมดา โดยเฉพาะเกลือสินเธาว์ไม่มีไอโอดีนผสมอยู่เลย ส่วนเกลือทะเลก็มีส่วนผสมของไอโอดีนน้อยมากเกลือเสริมไอโอดีนมีทั้งชนิดเม็ด และป่น กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายให้เกลือบริโภคทุกชนิดต้องเสริมไอโอดีนใน ปริมาณ 30 ส่วน/ล้านส่วน เกลือนี้จะไม่ทำให้สี รูป รส และกลิ่นเกลือบริโภคเปลี่ยนไป ส่วนข้อกังวลที่ว่า ถ้ากินเกลือเสริมไอโอดีนเป็นจำนวนมากจะมีผลร้ายต่อร่างกายหรือไม่ ขอให้สบายใจได้ เนื่องจากความเค็มของเกลือที่เสริมสารไอโอดีน จะเป็นสิ่งบังคับปริมาณการบริโภคเกลือในแต่ละวันอยู่แล้ว อีกทั้งสารไอโอดีนที่เติมลงไปในเกลือมีปริมาณที่พอเหมาะ ผ่านการศึกษาวิจัยเป็นอย่างดีจากวงการแพทย์ และองค์การยูนิเซฟแล้ว
การ ใช้เกลือไอโอดีน เป็นวิธีการช่วยขจัดปัญหาการเป็นโรคขาดสารไอโอดีน และแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่เกลือไอโอดีนส่วนหนึ่งก็มีปัญหาคุณภาพการผลิต เพราะมีโอโอดีน ต่ำกว่า 30 ส่วน/ล้านส่วน คือ อยู่ที่ประมาณ 10-20 ส่วน/ล้านส่วน จากการสำรวจล่าสุดของ กรมอนามัยพบว่า ปัจจุบันคนไทยบริโภคเกลือลดลง แต่ใช้เครื่องปรุงรสชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำปลา แทนเกลือมากขึ้น ดังนั้นน้ำปลาน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสที่เหมาะสม ในการที่จะเติมสารไอโอดีนลงไป ดังนั้นกรมอนามัยจึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนจัดทำโครงการน้ำปลาเสริมไอโอดีน เพื่อให้เกลือไอโอดีนกระจายไปถึงมือผู้บริโภคอย่างทั่วถึงมากขึ้น.
ที่มา  www.clinicdek.com

อัพเดทล่าสุด