หนองในเทียมมีอาการอย่างไรและการรักษาหนองในเทียมทำได้อย่างไรมียารักษาหนองในเทียมไหม !


1,749 ผู้ชม


โรคหนองในเทียม (Non-gonococcal urethritis) พิมพ์ ส่งเมล

          หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยรองจากหนองใน (ประมาณ 30-40%ของโรคติดต่อ
ทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด) โดยจะมีอาการคล้ายหนองใน แต่ไม่ได้เกิดจากเชื้อหนองใน (โกโนเรีย)
สาเหตุ
          เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียม มีได้หลายชนิด อาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว หรือเชื้อราก็ได้
ประมาณ 50% ของผู้ป่วยโรคนี้ยังไม่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุแน่ชัด ประมาณ 40% เกิดจากคลามีเดียทราโคมาติส
(Chlamydia trachomatis)    ซึ่งเป็นเชื้อกึ่งไวรัสกึ่งแบคทีเรีย (เชื้อนี้มีพันธุ์ย่อยอีกหลายชนิด ซึ่งบางชนิดทำให้
เป็นฝีมะม่วง)  อีก 10 % อาจเกิดจากเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อโปรโตซัว ที่มีชื่อว่า ทริโคโมแนสวาจินาลิส (Trichomanas
vaginalis)  เชื้อไวรัสเริม เป็นต้น


อาการ
          ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-4 สัปดาห์ (ระยะฟักตัว)    โดยมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ
ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล ซึ่งลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ ไม่เป็นหนองข้นแบบหนองใน และออกซึมเพียงเล็กน้อย
ไม่ออกมากแบบหนองใน บางคนในระยะแรกอาจสังเกตมีอาการแสบที่ท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วง
เช้าเท่านั้น  ถ้าให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะลงในแก้วใส แล้วใช้ไฟฉายส่องดู จะเห็นเส้นขาว ๆ คล้ายเส้นด้ายลอยอยู่ถ้าไม่ได้รับ
การรักษา อาการอาจเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี
          ในผู้หญิง ส่วนมากมักไม่มีอาการแสดง ส่วนน้อยอาจมีอาการตกขาว

การรักษา
          หากสงสัย ควรตรวจยืนยันด้วยการนำหนองไปย้อมสี และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือนำไปเพาะเชื้อ   ถ้าเป็น
จริง ควรให้ยาขนานใดขนานหนึ่ง ดังต่อไปนี้
             -  ดอกซีไซคลีน  กินครั้งละ 100 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 14 วัน
             -  เตตราไซคลีน  กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
             -  อีริโทรไมซิน  กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้งนาน 14 วัน
             -  ไมโนไมซิน (Minomycin ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเตตราไซคลีน) กินครั้งละ 100 มก. วันละครั้ง นาน 14 วัน
             -  ร็อกซิโทรไมซิน(Roxithromycin ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเดียวกับอีริโทรไมซิน) กินครั้งละ 150 มก. วันละ  2
ครั้ง นาน 14 วัน

ที่มา   www.patonghospital.com

อัพเดทล่าสุด